การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม
การปลูกหม่อนของหมู่บ้านสังแก
จากการสัมภาษณ์ คุณยายพัดสา
ทองนำ บ้านเลขที่ 39/1 ได้กล่าวว่า
การปลูกหม่อนของหมู่บ้านสังแกนั้นจะต้องเตรียมการวางแผนเพื่อให้สอดคล้องกับการเลี้ยงไหม
จำนวนหม่อน 1 ไร่ จะต้องเลี้ยงไหมได้ประมาณ 3-5 แผ่นหรือที่เรียกว่ากระจาดเลี้ยงไหมต่อปี
(รุ่นละ 1 แผ่นๆละประมาณ 10,000-15,000 ตัว) ปีละ 3-4 รุ่น และยังกล่าวอีกว่าแปลงไหมที่ดีควรปลูกระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 2 เมตร และระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 1 เมตร หรือแล้วแต่เราจะวางและไม่ควรปลูกติดกันเกินไปเพราะจะทำให้เวลาต้นหม่อนโตขึ้นมาจะได้ไม่ต้องเบียดเสียดกันและยังง่ายต่อการเก็บอีกด้วย
จากการสัมภาษณ์
คุณยายสำเนียง บรรลือทรัพย์
บ้านเลขที่ 37 กล่าวว่าการปลูกหม่อนนั้นจะต้องเตรียมดินก่อนที่เราจะปลูก
เราจะต้องไถเพื่อเปิดร่อง รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก
และต้องมีน้ำเลี้ยงมากพอสมควร บางบ้านก็ต่อท่อน้ำเพื่อใช้ในการรดต้นหม่อน
และในการปลูกระยะแรกเราควรที่จะเอาฟางมาวางไว้ข้างบนเพื่อที่จะได้อุ้มน้ำ
และหลังจากนั้นแล้วเวลาที่เราจะปลูกต่อก็ไถกลบฟางนั้นได้เลยโดยที่เราไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยคอกอีกต่อไป
การปลูกนั้นจะต้องมีระยะห่างการปลูกประมาณ 1-2 เมตร และระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 1 เมตร หรือแล้วแต่เราแต่ไม่ควรปลูกติดกันจนเกินไป และใน 2-3 เดือนเราจะสามารถเก็บได้ 1-2 ครั้ง หม่อนจำนวน 1 ไร่ เราจะเก็บมาเลี้ยงหม่อนได้ประมาณ 3-5 แผ่น หรือมากกว่านั้นก็ได้ขึ้นอยู่กับการหั่นใบหม่อนของเรา
สวนหม่อนคุณแม่สำเนียง
เสนาะเสีย
การเลี้ยงไหมของหมู่บ้านสังแก
ไหม คือ เส้นใยที่พ่นออกมาจากปากของตัวหนอนไหมที่โตเต็มวัย
เพื่อมาห่อหุ้มตัว
ป้องกันศัตรูทางธรรมชาติในขณะที่หนอนไหมลอกคราบจากหนอนไหมเป็นตัวดักแด้
และไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ หนอนไหมเป็นแมลงชนิดหนึ่งซึ่งมีการเจริญเติบโตจากไข่ไหม
(ขนาดเท่าเมล็ดงา) และเป็นตัวหนอนไหม ในขณะที่เป็นตัวหนอนไหมจะเจริญเติบโตโดยการลอกคราบประมาณ 3-4 ครั้งในระยะเวลาประมาณ 20-22 วัน
และจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น 10,000 เท่า
โดยการกินอาหารเพียงอย่างเดียว คือใบหม่อน
ไหมเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว จะหยุดกินอาหาร
แล้วพ่นเส้นใยออกมาห่อหุ้มตัวเอง ที่เราเรียกว่ารังไหม ซึ่งมีลักษณะกลมรีคล้ายเมล็ดถั่ว
และหากเรานำรังไหมมาต้มในน้ำที่มีอุณหภูมิตั้งแต่ 80◦C ขึ้นไปจะสามารถทำให้กาวไหม
(sericin) อ่อนตัว
และดึงออกมาเป็นเส้นยาวได้
ความยาวของเส้นใยจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และการดูแลในช่วงที่เป็นหนอนไหม
สายพันธุ์ไหมหมู่บ้านสังแก
จากการสัมภาษณ์ นายจำเริญ บันลือทรัพย์ กำนันผู้ใหญ่บ้านสังแก
บ้านเลขที่ 36 อายุ 43 ปี ได้กล่าวว่าพันธุ์ไหมของหมู่บ้านสังแกนั้นได้มาจากเกษตรจังหวัดสุรินทร์ที่ได้เอามาแจกคนในหมู่บ้านสังแก
ซึ่งได้แก่
Bivoltine
เป็นพันธุ์ที่อยู่ในแถบอากาศอบอุ่น เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี
หนอนไหมมีอายุสั้นกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับพันธุ์ Monovoltine หนอนไหมแข็งแรง
แต่เส้นไหมมีคุณภาพด้อยกว่า Monovoltine ดังนั้นจึงนิยมนำมาผสมกับ
Monovoltine เพื่อให้ได้พันธุ์ไหมที่มีคุณภาพเส้นที่ดีขึ้น รังไหมมีสีขาว
เหมาะสำหรับเลี้ยงในประเทศเขตอบอุ่น และนิยมเลี้ยงในฤดูร้อนของประเทศในเขตอบอุ่น
ความยาวเส้นไหมต่อรังประมาณ 1,000-1,200 เมตร
Ployvoltine
เป็นพันธุ์ไหมที่อยู่ในแถบอากาศร้อนชื้นเช่น ไทย ลาว
หนอนไหมมีอายุสั้นกว่าทั้ง 2 สายพันธุ์ข้างต้น
และมีความแข็งแรงมาก รังมีขนาดเล็ก รังไหมมีทั้งสีขาวและสีเหลือง
สามารถสาวเป็นเส้นไหมได้ปริมาณน้อย แต่เส้นไหมมีความมันเงาสูง แต่จะมีปุ่มปมมาก
และเป็นสายพันธุ์ที่ไม่สามารถ Hibernate
(จำศีล) ได้เหมือน 2 สายพันธุ์ข้างต้น
ดังนั้นไข่ไหมจึงไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ ต้องใช้ไข่ไหมต่อเนื่องทั้งปี
ความยาวเส้นไหมต่อรังประมาณ 200-400 เมตร
พันธุ์บุรีรัมย์
ให้ผลผลิตใบหม่อน 4,000 กิโลกรัม /
ไร่ / ปี ลักษณะเด่น แตกกิ่งได้เร็ว กิ่งมีสีน้ำตาล ใบไม่แฉก ผิวใบเรียบ ใบใหญ่หนา อ่อนนุ่ม ต้านทานโรคใบด่าง ขยายพันธ์โดยการปักชำ
สภาพโรงเลี้ยง
1. จะต้องสร้างในแนวหรือทางทิศตะวันตกและตะวันออกของตัวบ้าน
2. จะสะดวกต่อการทำความสะอาดและสะดวกต่อการเดินหรือนั่งเวลาเลี้ยงไหม
3. มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
4. โรงเลี้ยงไหมจะต้องขึงรอบด้วยตาข่ายเพื่อไม่ให้มีแมลงเข้าไปได้
5. ควรมีการปลูกต้นไม้รอบๆหรือไม่ควรเลือกสถานที่ที่เลี้ยงไหมไว้กลางแจ้งมากเกินไปเพราะจะทำให้ตัวไหมทนต่อความร้อนไม่ได้และอาจจะตายได้
6. ขนาดโรงเลี้ยงไหมนั้นจะต้องมีขนาดใหญ่พอสมควรหรือขึ้นอยู่ว่าเราจะเลี้ยงมากหรือน้อย
7. ขนาดของชั้นเลี้ยงไหมขึ้นอยู่กับขนาดของโรงเลี้ยงไหม
และความสะดวกในการปฏิบัติงาน ชั้นเลี้ยงแต่ละชั้นควรสูงห่างกัน 60 – 70 เซนติเมตร เช่น
- โรงเลี้ยงไหมขนาด 6x8 ตารางเมตร ใช้ชั้นเลี้ยงไหมขนาด 1.5
x 6 ตารางเมตร (3 ชั้นย่อย 2 แถว)
- โรงเลี้ยงไหมขนาด 8 x12 ตารางเมตร ใช้ชั้นเลี้ยงไหมขนาด 2.0 x 9.0 ตารางเมตร (3 ชั้นย่อย 2 แถว)
1. กระด้งและชั้นวางไหม
2. จอใส่ไหม
3. มีดหรือกรรไกรและเขียง
4. ผ้าคลุมกระด้ง
5. ตาข่ายกันแมลง
6. โรงเลี้ยงไหม
การจองและรับไข่ไหม
1) การสั่งจองไข่ไหม
ควรทำแผนการเลี้ยงไหมตลอดปีกับศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ โดยแจ้งชื่อที่อยู่
วัน เดือน ปี ที่เลี้ยงแต่ละรุ่นและจำนวนไข่ไหม ส่งให้ทราบล่วงหน้าต้นปี
2) การยืนยันความต้องการไข่ไหมทุกรุ่น
ควรแจ้งก่อนการเลี้ยงไหมอย่างน้อย 20 วัน
3) การรับไข่ไหม
ควรจะตรงเวลาและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ โดยเคร่งครัด
4) การขนส่ง
ช่วงเวลาที่เหมาะสมคือช่วงเช้าหรือเย็น
5) ปฏิบัติตามระเบียบสถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯในการจำหน่ายจ่ายแจกพันธุ์
วิธีการเลี้ยงไหม
การเตรียมการเลี้ยงไหม
1) เตรียมสวนหม่อนเลี้ยงไหมในระดับครัวเรือนซึ่งจะต้องใช้ใบหม่อนในการเลี้ยงจนถึงไหมทำรังประมาณ 300 – 400 กิโลกรัม/แผ่น (กล่อง)
2) ทำความสะอาดโรงเลี้ยงและอุปกรณ์ต่างๆ
โดยการล้างทำความสะอาด หรือนำไปผึ่งแดดแล้วนำไปฉีดอบฟอร์มาลีน3 %ในโรงเลี้ยงอัตรา 1 ลิตร/ตารางเมตร
โดยอบทิ้งไว้อย่างน้อย 2 วัน
จึงเปิดโรงเลี้ยงให้กลิ่นฟอร์มาลีนระเหยอย่างน้อย 1 วัน จึงจะเข้าเลี้ยงไหมได้ (ส่วนผสมฟอร์มาลีน3 % = ฟอร์มาลีน40% 1 ส่วน ต่อน้ำ 13 ส่วน)
3) เตรียมสารเคมีโรยตัวไหม
เพื่อใช้โรยบนตัวไหมตอนเลี้ยงแรกฟัก และไหมตื่นทุกวัยใช้ประมาณ 1 กิโลกรัม/แผ่น (กล่อง) หรือคลอรีนผง 3.5 % (คลอรีน 60% จำนวน 1 ส่วนผสมกับปูนขาว 17 ส่วน)
4) เตรียมแกลบเผาและ/หรือ
ปูนขาวโรยบนตัวไหมในระยะหนอนไหม เพื่อลดความชื้น
5) เตรียมภาชนะใส่เศษใบหม่อนและมูลไหม
การให้อาหาร
ไหมจะเจริญเติบโตได้ดีต้องกินใบหม่อนสด
มีคุณภาพดี ปริมาณเพียงพอ ตามเวลาที่กำหนดโดยเลี้ยงวันละ 3 มื้อ กลางวันให้ 2 เท่าของมื้อเช้า
ส่วนมื้อเย็นให้ 4 เท่าของมื้อเช้า
เนื่องจากระยะเวลากินยาวกว่า ใช้ปริมาณใบหม่อนประมาณ 22 – 25 กิโลกรัม/แผ่น(กล่อง)
สำหรับการเลี้ยงไหมแบบสหกรณ์ จะใช้ใบหม่อนประมาณ 8 – 9 กิโลกรัม/แผ่น (กล่อง)
วิธีเลี้ยงไหมวัยแก่
(วัย 4
– 5 วัน)
§ ระยะการเลี้ยงแต่ละวัย
§ วัยที่ 4 ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 3 วัน นอน 11/2 วัน
§ วัยที่ 5 ใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 6
– 7 วัน
ไหมจะสุกทำรัง
การเก็บและการให้ใบหม่อน
การเก็บใบหม่อนเลี้ยงไหมวัยอ่อน
ควรเก็บใบหม่อนให้เหมาะสมกับวัยดังนี้
§ วัยที่ 1 เก็บใบใต้ยอดลงมาใบที่ 1
– 3 หรือเด็ดยอด
§ วัยที่ 2 เก็บใบต่ำลงมาใบที่ 4–6 หรือใช้กรรไกรตัดกิ่งใบที่ 1 – 6
§ วัยที่ 3 เก็บใบต่ำลงมาใบที่ 7–10 หรือใช้กรรไกรตัดกิ่งใบที่1–10 หรือตัดใบกิ่งสีเขียว
การให้ใบหม่อน
§ วัยที่ 1 ให้หม่อนหั่นมีขนาดกว้าง 0.5
– 1.0 ซม.ความยาว 3 – 4 เท่าของความกว้าง
§ วัยที่ 2 ให้หม่อนหั่นกว้าง 1.50
– 2 ซม.
§ วัยที่ 3 ให้หม่อนหั่นกว้าง 2.5
– 3 ซม.